วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

เห็นด้วยค่ะเพราะการใช้โทรศัพท์มือถือแนบหูครั้งละนาน ๆ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ซึ่งวัยรุ่นในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงเครื่องมือสื่อสารอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งนอกจากใช้โทร.ออก หรือรับสายแล้ว ยังใช้โทรศัพท์มือถือทำอย่างอื่นอีก รวมถึงการรับส่งอีเมล์หรือการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยใช้ส่งข้อความและรูปภาพ โหลดเพลง และเล่มเกมส์ แต่ทุกวันนี้จะมีกลุ่มวัยรุ่นนำโทรศัพท์มือถือไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนัดหมายออกเที่ยวเตร่ การโหลดคลิปลามกอนาจาร การเล่นเกมที่รุนแรง ฯลฯ ซึ่งกำลังระบาดมากในขณะนี้
นางสาวสุภาภรณ์ พุฒภูงา
สาขาพืชศาสตร์ ปวส.1/1
เลขที่ 9

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 10

http://www.facebookgoo.com/2010/06/16/facebook-profile-page-group-comparison/

Facebook Profile, Page และ Group ต่างกันยังไง?
ช่วงหลังๆ นี้ เราเริ่มจะได้การใช้ facebook สำหรับธุรกิจและองค์กร รวมถึงการสร้าง Page เพืื่อจุดประสงค์ต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปจากการใช้งานทั่วไปอยู่บ้าง ทาง facebookgoo ก็เลยขอมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์บทความที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน facebook ในลักษณะนี้บ้างครับ
เหตุผลที่อยากจะเขียนบทความเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง facebook profile, page และ group นั้น ก็เนื่องมาจากได้เห็นการใช้งานของทั้งส่วนบุคคล, กลุ่มคน, องค์กร และธุรกิจ ที่บางครั้งมีความตั้งใจอยากจะสร้างตัวตนขึ้นมาใน facebook แต่ด้วยความที่ยังไม่เข้าใจภาพรวมและข้อจำกัดของการใช้งานในแต่ละรูปแบบ ทำให้ใช้งานไปซักพักก็ต้องเผชิญกับข้อจำกัดต่างๆ เป็นการเสียเวลาเสียโอกาสกันไปครับ
กรณีที่เห็นผิดพลาดกันบ่อยๆ เช่นเป็นบริษัทใหญ่โต แต่ไปใช้ Profile ธรรมดาที่จำกัดเพื่อนอยู่ที่ 5,000 คน ทำให้ในที่สุดต้องกลับมานับหนึ่งสร้าง page ใหม่ เพื่อจะหนีข้อจำกัดนี้ หรือบางคนต้องการจะสร้างกลุ่มที่เป็นกลุ่มปิดรับเฉพาะคนที่กำหนดไว้ แต่ดันไปสร้างเป็น Page ที่ไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธคนที่อยากเข้าร่วม
ความผิดพลาดทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นครับ ถ้าเรารู้จักความแตกต่างของ profile, page และ group ถึงข้อดี ข้อด้อย และข้อจำกัดของแต่ละรูปแบบ ก่อนที่จะตัดสินใจว่ารูปแบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุดครับ

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 9


เมืื่อประมาณวันจันทร์ที่ผ่านมา facebook lite ก็ได้ทำการเปิดตัวต่อสาธารณะไปเรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นฉบับทดลองอยู่ก็ตาม จากที่ได้มีโอกาสเข้าไปเล่นดู ก็รู้สึกประทับใจไม่น้อยทีเดียวครับ ก็เลยอยากจะมารีวิวสั้นๆ ให้เพื่อนๆ ฟังกันที่นี่ซะหน่อย แน่นอนว่าฟังก์ชั่นต่างๆ นั้นคงยังไม่สมบูรณ์เหมือน facebook ตัวเต็มซะทั้งหมด แต่ก็มาทำความรู้จักน้องเล็กคนนี้กันซักหน่อยดีกว่า

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 8

http://http://variety.eduzones.com/facebook/tag

ขั้นตอนการสมัคร facebook
บทความในวันนี้จะเป็นเรื่องของมือใหม่จริงๆ คือคนที่ไม่เคยมีเฟซบุ๊ค และไม่เคยเล่นพวกเว็บ social network มาก่อนเลย สำหรับคนที่เคยเล่นเว็บอื่นมาไม่ว่าจะเป็น hi5 หรือ myspace สิ่งที่จะพูดในวันนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คุณคุ้นเคยดีอยู่แล้วก็ได้ แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่จริงๆ ละก็ ตามผมมาเลยครับ
ก่อนอื่นต้องทำความ เข้าใจกับคำว่า social network กันก่อนนะครับ จริงๆ เรื่องนี้ก็ยาวขนาดที่ว่ายกมาเขียนได้เป็นอีกหัวข้อนึงไปเลย แต่ถ้าพูดให้สั้นๆ ก็คือเป็นเว็บไซท์ที่คุณสามารถสร้างหน้าโปรไฟล์ หรือข้อมูลของคุณเอง และนำไปเชื่อมโยงกับหน้าโปรไฟล์ของคนอื่นๆ เพื่อให้คุณสามารถมีปฎิสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นได้ ส่วนจะทำอะไรได้บ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับบริการของเว็บแต่ละห้อง เช่นเข้าไปดูรูปของเพื่อน เขียนไดอารี่ให้คนอื่นเข้ามาอ่าน ส่งข้อความส่วนตัว เขียนข้อความลงบนพื้นที่ในหน้าของเพื่อน ฟังเพลง ส่งเพลงให้กัน ท้าดวลเกมส์ ฯลฯ ซึ่งคุณสามารถส่งข้อความพูดคุยกับเพื่อนตัวต่อตัว หรือจะส่งข้อความหาเพื่อนกลุ่มใหญ่ในครั้งเดียวก็ทำได้ทั้งนั้น โดยจุดเด่นของการสื่อสารผ่านเว็บพวก social network นี้คือเราไม่จำเป็นต้องมานั่งรอเพื่อนของเราออนไลน์พร้อมกันเพื่อจะพูดคุย เหมือนอย่างโปรแกรมพวก msn
อยากลองใช้ดูแล้วใช่มั้ย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 7

http://en.wikipedia.org/wiki/Facebook

Facebook is a social networking website launched in February 2004 that is operated and privately owned by Facebook, Inc.,[1] with more than 500 million[5] active users in July 2010.[6][N 1] Users can add people as friends and send them messages, and update their personal profiles to notify friends about themselves. Additionally, users can join networks organized by workplace, school, or college. The website's name stems from the colloquial name of books given to students at the start of the academic year by university administrations in the US with the intention of helping students to get to know each other better. Facebook allows anyone who declares themselves to be aged 13 or older to become a member of the website.
Facebook was founded by
Mark Zuckerberg with his college roommates and fellow computer science students Eduardo Saverin, Dustin Moskovitz and Chris Hughes.[7] The website's membership was initially limited by the founders to Harvard students, but was expanded to other colleges in the Boston area, the Ivy League, and Stanford University. It gradually added support for students at various other universities before opening to high school students, and, finally, to anyone aged 13 and over. The original concept for Facebook was borrowed from a product produced by Zuckerberg's prep school Phillips Exeter Academy, which for decades published and distributed a printed manual of all students and faculty, unofficially called the "face book".
Facebook has met with some
controversy. It has been blocked intermittently in several countries including Pakistan,[8] Syria,[9] People's Republic of China,[10] Vietnam,[11] and Iran.[12] It has also been banned at many places of work to discourage employees from wasting time using the service.[13] Privacy has also been an issue, and it has been compromised several times. Facebook settled a lawsuit regarding claims over source code and intellectual property.[14] The site has also been involved in controversy over the sale of fans and friends.[15]
A January 2009 Compete.com study ranked Facebook as the most used social network by worldwide monthly active users, followed by MySpace.[16] Entertainment Weekly put it on its end-of-the-decade 'best-of' list, saying, "How on earth did we stalk our exes, remember our co-workers' birthdays, bug our friends, and play a rousing game of Scrabulous before Facebook?"[

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 6

http://www.facebookforfun.com/

Social Game ของเล่นบน Facebook
ทุกวันนี้เรียกได้ว่า Internet Users จะต้องเข้าเว็บสังคมออนไลน์ (Social Network) เป็นประจำ ชนิดไม่ต่างจากการเช็ค Email ในแต่ละวัน
Facebook, Hi5 กำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเน็ตชาวไทยและต่างชาติ ที่เรียกว่าใครยังไม่มี account เปิดไว้กับสอง Social Network นี้ ‘ เ ป็ น อั น ว่ า เ ช ย ’
นอกจากการแชร์ข้อมูล ภาพ วิดีโอ และพูดคุย หยอกล้อ ทักทายกันบน Social Network แล้ว ปัจจุบันยังมีสิ่งที่กำลังเป็นของเล่นฮอตฮิตในกลุ่มสังคมออนไลน์อีก ด้วย นั่นคือการเล่นเกมผ่าน Social Network ที่เรียกว่า ‘Social Game’
อะไรคือ Social Games
Social Games เป็นเกมที่ผสมผสานระกว่างเกมออนไลน์และสังคมในอินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกัน นอกจากคุณจะเล่นเกมให้ได้คะแนนสูงๆ แล้ว จะต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ของคุณด้วย ถือเป็นเงื่อนไขในเกมเลยทีเดียว และเกมที่คนไทยชอบเล่นมักเป็นเกมที่มีกราฟฟิกสวยงาม วิธีการเล่นไม่ซับซ้อน และที่สำคัญต้องไม่เสียเงิน
เกมคอมพิวเตอร์ทั่วไปนั้น มักเน้นที่การเล่นเกมคนเดียวบน console ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือมือถือ แต่เกมออนไลน์ที่จะได้เล่นกับเพื่อนๆ มักต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเล่น เช่น บัตรเติมเวลา หรือบัตรเติมเงินในเกม แล้วค่อยหาเพื่อนที่ชอบเล่นเกมนั้นๆ เหมือนกันหลังจากเข้าไปเล่น แต่เกมแบบ Social จะแตกต่างตรงที่เราสามารถชวนครอบครัว ชวนเพื่อนหรือคนรู้จัก มาเล่นเกมเดียวกับเราได้โดยใช้ Social Network เป็นสื่อกลาง

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่5

http://th.wikipedia.org

เฟซบุ๊ก (อังกฤษ: Facebook) เป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมสำหรับติดต่อแลกข้อมูลข่าวสาร เปิดใช้งานเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ในช่วงแรกนั้นเฟซบุ๊กเปิดให้ใช้งานเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ซึ่งต่อมาได้ขยายตัวออกไปสำหรับมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอเมริกา และตั้งแต่ 11 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้ขยายมาสำหรับผู้ใช้ทั่วไปทุกคนเหมือนในปัจจุบัน
เว็บไซต์เฟซบุ๊กก่อตั้งที่เมือง
เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ แพโลแอลโท รัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้ลงทะเบียนกว่า 500 ล้านชื่อ และเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองจากกูเกิล[1]
ชื่อเฟซบุ๊กนี้มาจากชื่อเรียก "เฟซบุ๊ก" ที่มักจะเป็นหนังสือแจกสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยในช่วงเริ่มเรียนปีแรก ซึ่งมีภาพและชื่อของเพื่อนที่เรียนด้วยกันเพื่อไว้สำหรับจดจำชื่อคนอื่น
เดวิด ฟินเชอร์ ได้นำเนื้อหาในหนังสืิอที่เขียนถึงประวัติการก่อตั้งเฟซบุ๊ก สร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ
เดอะ โซเชียล เน็ตเวิร์ก นำแสดงโดยเจสซี ไอเซนเบิร์ก แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ และจัสติน ทิมเบอร์เลค โดยเควิน สเปซีย์ เป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ กำหนดฉายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 4


เฟซบุ๊คเป็นเสมือนสังคมๆหนึ่งซึ่งอยู่ในลักษณะของสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า Social Network ซึ่งสังคมออนไลน์นี้เป็นสังคมที่รวมกลุ่มคนที่มีความชอบ ความสนใจในสิ่งเดียวกันเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งกลุ่มที่อยู่ในเว็บไซต์เดียวกัน หรืออยู่คนละเว็บไซต์.. แต่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ สามารถสื่อสาร ส่งต่อ หรือแบ่งปันให้กันได้ จากจุดเริ่มต้นที่คนหนึ่งคนส่งหาเพื่อนอีกคน แล้วมีการส่งต่อกระจายกันออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเครือข่ายสังคมขนาดใหญ่ โดยที่คนในสังคมจะคอยอัพเดทแบ่งปันข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน จนทำให้สังคมออนไลน์เป็นเครือข่ายที่กว้างขวาง และเข้มแข็งมาก และเฟซบุ๊คก็เป็นสังคมออนไลน์แห่งหนึ่งที่มีคนใช้งานมากที่สุดเว็บไซต์หนึ่ง ของโลก ในการสมัครเข้าใช้งานก็สามารถทำได้อย่างง่าย เพราะใครๆก็สามารถจะลงทะเบียนเข้าใช้งานเฟซบุ๊คและใช้งานโต้ตอบกับกลุ่มคนใน สังคมออนไลน์ที่พวกเขารู้จักได้ ภายในเว็บไซต์เฟซบุ๊ค ได้ถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน

อ้างอิงhttp://www.iqraforum.com/forum/index.php?topic=3043.0

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 3

เราจะป้องกันไม่ให้ account ของเราถูกระงับได้ยังไง? เราต้องมาดูเหตุผลหลักๆ ว่า facebook นั้นส่วนใหญ่จะระงับ account ที่เข้าข่ายต่อไปนี้ครับ
1. มีภาพโป๊เปลือย : อย่าถามผมว่าเจ้าหน้าที่เข้ามาเห็นได้ยังไง หรือว่าเค้าจะเอาภาพไปทำอะไรหลังจากที่ facebbok เราโดนระงับ แต่ที่แน่ๆ ถ้าคุณมีภาพหรือวีดีโอที่เข้าข่ายนี้ บรรจุอยู่ใน facebook ของคุณล่ะก็ คุณมีสิทธิ์ถูกระงับบัญชีได้ทุกเมื่อ โดยที่จะไม่มีการแจ้งเตือนเลยแม้แต่นิดเดียว
2. ภาษาหยาบคาย ไม่เหมาะสม : ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้น ถ้ามีคนเข้ามาเห็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมของคุณ แล้วกดปุ่ม report แจ้งไปที่ facebook ว่าคุณมีการใช้งานในลักษณะนี้
3. โปรไฟล์เทียม : ถ้าคุณสร้างโปรไฟล์ขึ้นมาแฝงตัวเป็นบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนคุณเอง ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่บุคคลมีชื่อเสียง เมื่อมีคนรายงานไปทาง facebook คุณก็มีสิทธิ์ถูกระงับ account ได้เช่นกัน
4. ใช้ facebook พูดจาข่มขู่คนอื่น : ถึงจะเป็นแค่การพูดเล่นก็เถอะ หากมีการร้องเรียนไปยัง facebook บัญชีของคุณจะถูกระงับทันที
5. ใช้คำพูด หรือนำเสนอเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชัง สร้างความแตกแยก : คนไทยอาจจะเห็นเรื่องนี้ค่อนข้างบ่อยจนชินตาไปแล้ว กับการใช้ facebook เป็นพื้นที่ระบายอารมณ์ หรือแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเมือง แน่นอนว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ แต่การใช้คำพูดที่รุนแรง ยุยง ปลุกปั่นนั้น จริงๆ แล้วที่ว่าเป็นการผิดนโยบายการใช้งานนะครับ facebook มีสิทธิ์ที่จะระงับ facebook ของคุณทันที หากมีคนร้องเรียนไปนะครับ เพราะฉะนั้นระมัดระวังการแสดงความคิดเห็นของคุณให้ดีๆ
6. ใช้ profile ผิดวัตถุประสงค์ : ตามนโยบายของ facebook นั้น Profile จะอนุญาตให้ใช้สำหรับการใช้งานส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ก็มีบ้างที่คนเอาหน้า profile ไปใช้งานเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ เช่นใช้เพื่อขายของ ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ ซึ่งนับว่าเป็นการใช้งานผิดวัตถุประสงค์ ถ้าถูกจับได้ก็อาจจะโดนระงับบัญชีได้ครับ
7. ปล่อยไวรัส : อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก หากถูกตรวจพบว่าคุณเป็นผู้ปล่อยไวรัส คุณมีสิทธิ์ถูกระงับ facebook ทันทีเช่นกัน
8. Add เพื่อนเยอะเกินไป : อันนี้เป็นเคสที่เจอบ่อยที่สุดครับ โดยเฉพาะคนที่ต้องการ add เพื่อนเยอะๆ ไว้เล่นเกมส์ จะโดนระบบตรวจจับว่ามีพฤติกรรมน่าสงสัย เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ add เพื่อนวันละไม่เกิน 20 คนครับ
9. ร่วม group หรือ page เยอะเกินไป : อาจจะไม่ค่อยพบกรณีนี้นัก แต่มีคำแนะนำว่า ไม่ควรจะเข้าร่วมกลุ่ม หรือ like page เกินวันละ 200 หน้า
10. โพสท์ข้อความ หรือ ส่งข้อความเยอะเกินไป : ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การโพสท์ข้อความหรือลิงค์ซ้ำๆ กันไปบน wall ของเพื่อนหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นจุดประสงค์เพื่อการประชาสัมพันธ์อะไรบางอย่างจริงๆ หรือจะเป็นการโพสท์ที่เกิดจากไวรัสแบบที่คุณไม่รู้ตัวนั้น ล้วนเป็นจุดที่ เสี่ยงและอาจทำให้ account ของคุณโดนระงับได้แบบไม่รู้ตัวทั้งนั้นครับ
(ในกรณีที่คุณมีความจำเป็นจะต้องโพสท์ข้อความซ้ำๆ กันหลายครั้ง ขอแนะนำให้ดัดแปลงหรือปรับเปลี่ยนรูปประโยคในแต่ละข้อความซักเล็กน้อย ระบบตรวจสอบก็จะละเว้นและไม่นับว่าคุณส่งข้อความขยะ)
11. ผู้ใช้คนเดียวแต่มีโปรไฟล์หลายอัน : ถ้าคุณมีโปรไฟล์หลายอัน และทั้งหมดเป็นชื่อคนๆ เดียวกัน ข้อมูลเหมือนกัน account อันใดอันหนึ่งของคุณก็อาจจะถูกระงับได้เช่นกัน
ถ้าใช้งานอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของ facebook แค่นี้ ก็ไม่ต้องห่วงอีกแล้วครับว่าบัญชีของคุณจะถูกระงับ

อ้างอิง http://www.facebookgoo.com/2010/07/08/12-reason-to-suspend-your-account/

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 2

เฟซบุ๊ค
บทที่ 1 – ขั้นตอนการสมัครและเร่ิมต้นใช้งาน
By facebookgoo on May 01, 2010 with Comments 36
39Share
บทความในวันนี้จะเป็นเรื่องของมือใหม่จริงๆ คือคนที่ไม่เคยมีเฟซบุ๊ค และไม่เคยเล่นพวกเว็บ social network มาก่อนเลย สำหรับคนที่เคยเล่นเว็บอื่นมาไม่ว่าจะเป็น hi5 หรือ myspace สิ่งที่จะพูดในวันนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คุณคุ้นเคยดีอยู่แล้วก็ได้ แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่จริงๆ ละก็ ตามผมมาเลยครับ
ก่อนอื่นต้องทำความ เข้าใจกับคำว่า social network กันก่อนนะครับ จริงๆ เรื่องนี้ก็ยาวขนาดที่ว่ายกมาเขียนได้เป็นอีกหัวข้อนึงไปเลย แต่ถ้าพูดให้สั้นๆ ก็คือเป็นเว็บไซท์ที่คุณสามารถสร้างหน้าโปรไฟล์ หรือข้อมูลของคุณเอง และนำไปเชื่อมโยงกับหน้าโปรไฟล์ของคนอื่นๆ เพื่อให้คุณสามารถมีปฎิสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นได้ ส่วนจะทำอะไรได้บ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับบริการของเว็บแต่ละห้อง เช่นเข้าไปดูรูปของเพื่อน เขียนไดอารี่ให้คนอื่นเข้ามาอ่าน ส่งข้อความส่วนตัว เขียนข้อความลงบนพื้นที่ในหน้าของเพื่อน ฟังเพลง ส่งเพลงให้กัน ท้าดวลเกมส์ ฯลฯ ซึ่งคุณสามารถส่งข้อความพูดคุยกับเพื่อนตัวต่อตัว หรือจะส่งข้อความหาเพื่อนกลุ่มใหญ่ในครั้งเดียวก็ทำได้ทั้งนั้น โดยจุดเด่นของการสื่อสารผ่านเว็บพวก social network นี้คือเราไม่จำเป็นต้องมานั่งรอเพื่อนของเราออนไลน์พร้อมกันเพื่อจะพูดคุย เหมือนอย่างโปรแกรมพวก msn
อยากลองใช้ดูแล้วใช่มั้ย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าไปที่ http://www.facebook.com/ ซึ่งเป็นเว็บหลักของเฟซบุ๊ค ถ้าคุณไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ให้ดูในด้านล่างซ้ายมือ (ตามรูป) จะมีปุ่มให้เปลี่ยนเป็นภาษาไทยอยู่ และในหน้าแรกนี้เองจะมีช่องให้คุณลงทะเบียนตามรูปข้างล่างนี้ก็ให้คุณกรอกข้อมูลของคุณลงไป ได้แก่ชื่อ (ขอแนะนำให้ใช้ชื่อนามสกุลจริงหรือชื่อเล่นที่คนรู้จักนะครับ เพราะจะมีผลในการที่เพื่อนจะหาคุณเจอได้) อีเมล์ที่ติดต่อได้ของคุณ และตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งาน ระบุเพศ สุดท้่ายก็ระบุวันเดือนปีเกิด เสร็จแล้วก็คลิกลงทะเบียนเลยครับ

อ้างอิง www.facebook.com/notes/news1today
http://www.mediafire.com/?rwv73s0cg0u5bz5
ส่งงานโปรเจ็ก สุภาภรณ์

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 1





Facebook is growing rapidly in countries like Japan, Korea, Russia, Brazil, India, Germany, Poland, and the Netherlands. And as more users adopt Facebook, your applications have the opportunity to gain exposure and reach in these markets. Here are a few suggestions to help you continue to grow your user base around the world.
First, we recommend localizing your applications for the countries mentioned above, where we are experiencing a particularly high rate of user growth. For your existing applications, localization can involve translating them to more languages to make them accessible to more users. Also, when you publish to a user’s stream, try customizing the post to the user’s language and country to optimize for each user group. For example, publishing special updates on country holidays, as well as country-specific graphics/gifts can help target user segments. Another suggestion is to think about localization when developing new applications. Consider how you might design a unique application built for the lifestyles and cultural norms of the countries you are targeting.

มาตรฐานบล็อกนักศึกษา

มาตรฐานบล็อกนักศึกษา

ให้นักศึกษาสร้างบล็อก ตามมาตรฐานดังนี้นะคะ
1. ตั้งชื่อบล็อกโดยขึ้นต้นด้วย il- แล้วตามด้วยชื่อที่ต้องการ
2. ใส่ชื่อโปรเจ็กไว้ใน Blog Description
3. ใส่รูปภาพใน Profile เพืื่อง่ายต่อการจดจำ
4. ใส่ชื่อสมาชิก พร้อมสาขาวิชาและชั้นปีไว้ที่ Sidebar (เป็นรายการแรก)ุ
5. แจ้ง URL Blog นักศึกษา ที่ tweetboard นะคะ(จำแนกตามวันที่เรียน)
6. ไม่เผยแพร่ถ้อยคำและภาพที่ไม่เหมาะสม

ส่งงานโปรเจ็ก

http://www.mediafire.com/?2jmgqjny45m